วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

ทันภัยการใช้ Internet

การใช้อีเมลล์อย่างปลอดภัย

การใช้อีเมล์อย่างปลอดภัยอีเมล์ เป็นรูปแบบการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดบนอินเทอร์เน็ตด้วยจุดประสงค์ที่หลากหลายทั้งติดต่อสื่อสารหรือการส่งข้อความแบบส่วนตัว,การส่งไฟล์ การประกาศหรือประชาสัมพันธ์ทางธุรกิจ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อีเมล์ไม่ได้เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่ปลอดภัย โดยด้านล่างคือคำแนะนำต่างๆในการปกป้องอีเมล์ของผู้ใช้งานต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น


อันตรายจากอีเมลล์เช่น

สแปมเมล์ (Spam Mail)
สแปมเมล์ (Spam Mail) หรืออีเมล์ขยะ (Junk mail) คือ อีเมล์ที่ถูกส่งมาถึงผู้รับโดยที่ไม่ได้รับการยินยอมจากผู้รับและมักไม่ปรากฏชื่อที่อยู่ของผู้ส่ง อีเมล์ขยะส่วนใหญ่จะเป็นโฆษณาของสินค้าหรือบริการ หรือลิงค์ที่จะพาผู้รับไปยังเว็บไซต์ต่างๆที่ผู้ส่งต้องการ ทำให้ผู้รับได้รับความเดือดร้อนและเกิดความรำคาญ อีกทั้งยังเสียเวลาในการนั่งลบอีเมล์เหล่านี้ออกจากกล่องข้อความอีกด้วย สแปมเมล์นั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน แต่มักจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือการก่อกวนและสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้ใช้งานอีเมล์คนอื่นๆ ตัวอย่างเช่น

วิธีกำจัดหรือหลีกเลี่ยงสแปมเมล์นั้น สามารถทำได้ง่ายๆดังนี้
1. สังเกตสิ่งผิดปกติจากอีเมล์ที่ได้รับ เช่น ช่วงเวลาที่อีเมล์ถูกส่งมามักจะอยู่ในช่วงเที่ยงคืนถึงตีสี่  และขนาดไฟล์อีเมล์จะมีขนาดเล็ก ข้อความในอีเมล์มีเพียงประโยคสั้นๆ พร้อมแนบลิงค์มาด้วย เป็นต้น
2. หยุดโพสต์อีเมล์แอดเดรสบนเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดต่างๆ เพราะพวกที่ส่งสแปมเมล์มักจะใช้สคริปต์หรือโรบอท (Robot) สแกนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาอีเมล์แอดเดรส หรืออาจเป็นเว็บบริการดาวน์โหลดฟรีเมื่อกรอกข้อมูลลงลงทะเบียน
3. ใช้อีเมล์แอดเดรสอื่นๆแยกจากอีเมล์หลัก เพื่อคัดกรองและกำจัดสแปม เช่น อีเมล์สำหรับรับข้อความจากเพื่อน สถาบันการเงิน และเว็บบันเทิงต่างๆ จากนั้นตั้งค่าฟอเวิร์ดบัญชีอีเมล์เหล่านี้ไปยังอีเมล์หลัก เมื่อใดที่มีสแปมเมล์ส่งมา ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าสแปมเมล์นั้นถูกส่งมาจากบัญชีอีเมล์ใด และสามารถลบบัญชีนั้นทิ้งไปได้

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต


1. World Wide Web (WWW) เครือข่ายใยแมงมุม
          เป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างข้อมูลในรูปของ Interactive Multimedia คือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโอ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่า hypertext กล่าวคือ จะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่าน เข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น คำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียง แต่ท่านเลือกกด ที่คำ ที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ ทั่วโลก)
                        


2. Search Engine  (บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต)
          Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือในการที่จะค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ     ตัวเองโดยอัตโนมัติ เช่น Google.com หรือ Altavista.com ซึ่งเครื่องมือนี้ มีชื่อเรียกว่า Search Robot     จะทำหน้าที่คอยวิ่งเข้าไปอ่านข้อความจากหน้าเว็บไซต์ ของเว็บต่าง ๆ แล้วนำมาจัดลำดับคำค้นหา (Index)     ที่มีในเว็บไซต์เหล่านั้น เก็บไว้ในฐานข้อมูลของตนเอง เมื่อเราเข้าไปใช้บริการ
กับ Search Engine 
                                     

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาษาHTML


ภาษา HTML
HTML ย่อมาจาก Hyper Text Makeup Language เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียน  เวบเพจ ซึ่งเป็นภาษาพื้นฐานในการเขียนเวบเพจ ไม่ว่าเราจะไปดู Source Code ใน     เวบเพจใดSource Code ที่เราเห็นจะเป็นภาษา HTML ทั้งสิ้น ไม่ว่าเวบเพจนั้นจะเขียนหรือสร้างจากโปรแกรมใด ทั้งนี้เนื่องจาก HTML เป็นภาษากลางในการติดต่อ
            ในปัจจุบัน ได้มีโปรแกรมที่ใช้ในการเขียนเวบเพจมากมาย ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับภาษา HTML ก็สามารถสร้างเวบเพจได้ โปรแกรมที่ใช้ในการสร้าง เช่น Macromedia Dreamwaver , Flash 4 , FrontPage เป็นต้น
            ในการเขียนภาษา HTML Notepad Word Pad Save .HTML Internet Explore Netscape Navigator <HTML>…</HTML>, <HEAD>…</HEAD>, <TITLE>…</TITLE>, <BODY>…</BODY> เหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักในเวบเพจแต่ละหน้า ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ฟอร์มหลักในการเขียนภาษา HTML
ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ในทุกคำสั่งเมื่อจบคำสั่งจะต้องมี </> เสมอ
            เป็นผลทีได้จากการแสดงใน Internet Explore จะเห็นว่า ข้อความที่เขียนในคำสั่ง <TITLE>…</TITLE> จะแสดงอยู่ใน Title Bar และ จะแสดงเส้นปะ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างคำสั่ง<BODY>…</BODY> ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดของคำสั่งเหล่านี้ในหัวข้อต่อไปนี้
บทที่ 1
คำสั่งเบื้องต้น
คำสั่งเบื้องต้นที่จะกล่าวถึง มีทั้งหมด 4 คำสั่ง ดังนี้
คำสั่งเริ่มต้น
            รูปแบบคำสั่ง <HTML>…</HTML>
            คำสั่ง <HTML> เป็นคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนเวบเพจด้วยภาษา HTML และเมื่อสิ้นสุดโปรแกรมจะใช้ </HTML>
ส่วนหัวของโปรแกรม
            รูปแบบคำสั่ง <HEAD> …</HEAD>
            คำสั่ง <HEAD> เป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดข้อความที่เป็นชื่อเรื่อง และภายในคำสั่งนี้จะมีคำสั่งย่อยอีกคำสั่งหนึ่ง คือ <TITLE> และคำสั่งปิดท้ายก็คือ </HEAD> และ </TITLE>
กำหนดข้อความในส่วนของ Title bar
            รูปแบบคำสั่ง <TITLE> …</TITLE>
คำสั่ง <TITLE> เป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดข้อความที่จะแสดงในส่วนของ Title Bar และจะปิดท้ายด้วย </TITLE>
ส่วนของเนื้อหา
            รูปแบบคำสั่ง <BODY> …</BODY>
            คำสั่ง <BODY> เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงผลตามที่เราต้องการ โดยสิ่งที่เราต้องการที่จะแสดงผล จะอยู่ในส่วนของ <BODY> และจะปิดท้ายโปรแกรมด้วย </BODY> โดยคำสั่งต่างๆ ที่จะใช้ในส่วนของการแสดงผลจะกล่าวในตอนต่อไป

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรแกรมคอมพิวเตอร์

ความหมายของโปรแกรมคอมพิวเตอร์

คือ กลุ่มชุดคำสั่งที่ใช้อธิบายชิ้นงาน หรือกลุ่มงานที่จะประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจหมายถึง ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นชุดคำสั่งที่ออกแบบตามขั้นตอนวิธี โดยปกติแล้วเขียนโดยโปรแกรมเมอร์ หรือไม่ก็สร้างโดยโปรแกรมอื่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่ง ๆ อาจเขียนขึ้นด้วยระบบรหัส หรือที่เรียกว่า ภาษาเครื่อง ซึ่งมักเขียนได้ยากและเหมาะกับช่างเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลังจึงได้มีการสร้างภาษาโปรแกรมที่ใกล้เคียง
ภาษามนุษย์มากขึ้น


ขั้นตอนในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์


การวิเคราะห์ปัญหา
การวิเคราะห์ปัญหา ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
  1. กำหนดวัตถุประสงค์ของงาน เพื่อพิจารณาว่าโปรแกรมต้องทำการประมวลผลอะไรบ้าง
  2. พิจารณาข้อมูลนำเข้า เพื่อให้ทราบว่าจะต้องนำข้อมูลอะไรเข้าคอมพิวเตอร์ ข้อมูลมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร ตลอดจนถึงลักษณะและรูปแบบของข้อมูลที่จะนำเข้า
  3. พิจารณาการประมวลผล เพื่อให้ทราบว่าโปรแกรมมีขั้นตอนการประมวลผลอย่างไรและมีเงื่อนไปการประมวลผลอะไรบ้าง
  4. พิจารณาข้อสนเทศนำออก เพื่อให้ทราบว่ามีข้อสนเทศอะไรที่จะแสดง ตลอดจนรูปแบบและสื่อที่จะใช้ในการแสดงผล


การออกแบบโปรแกรม
        การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมเป็นขั้นตอนที่ใช้เป็นแนวทางในการลงรหัสโปรแกรม ผู้ออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมอาจใช้เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการออกแบบ อาทิเช่น คำสั่งลำลอง (Pseudocode) หรือ ผังงาน (Flow chart) การออกแบบโปรแกรมนั้นไม่ต้องพะวงกับรูปแบบคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ให้มุ่งความสนใจไปที่ลำดับขั้นตอนในการประมวลผลของโปรแกรมเท่านั้น

การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
       การเขียนโปรแกรมเป็นการนำเอาผลลัพธ์ของการออกแบบโปรแกรม มาเปลี่ยนเป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องให้ความสนใจต่อรูปแบบคำสั่งและกฎเกณฑ์ของภาษาที่ใช้เพื่อให้การประมวลผลเป็นไปตามผลลัพธ์ที่ได้ออกแบบไว้ นอกจากนั้นผู้เขียนโปรแกรมควรแทรกคำอธิบายการทำงานต่างๆ ลงในโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมนั้นมีความกระจ่างชัดและง่ายต่อการตรวจสอบและโปรแกรมนี้ยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบ

การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
       การทดสอบโปรแกรมเป็นการนำโปรแกรมที่ลงรหัสแล้วเข้าคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภาษา และผลการทำงานของโปรแกรมนั้น ถ้าพบว่ายังไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป ขั้นตอนการทดสอบและแก้ไขโปรแกรม อาจแบ่งได้เป็น 3 ขั้น
  1. สร้างแฟ้มเก็บโปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำโปรแกรมเข้าผ่านทางแป้นพิมพ์โดยใช้โปรแกรมประมวลคำ
  2. ใช้ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์แปลโปรแกรมที่สร้างขึ้นเป็นภาษาเครื่อง โดยระหว่างการแปลจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบและกฎเกณฑ์ในการใช้ภาษา ถ้าคำสั่งใดมีรูปแบบไม่ถูกต้องก็จะแสดงข้อผิดพลาดออกมาเพื่อให้ผู้เขียนนำไปแก้ไขต่อไป ถ้าไม่มีข้อผิดพลาด เราจะได้โปรแกรมภาษาเครื่องที่สามารถให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้
  3. ตรวจสอบความถูกต้องของการประมวลผลของโปรแกรม โปรแกรมที่ถูกต้องตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ของภาษา แต่อาจให้ผลลัพธ์ของการประมวลผลไม่ถูกต้องก็ได้ ดังนั้นผู้เขียนโปรแกรมจำเป็นต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมประมวลผลถูกต้องตามต้องการหรือไม่ วิธีการหนึ่งก็คือ สมมติข้อมูลตัวแทนจากข้อมูลจริงนำไปให้โปรแกรมประมวลผลแล้วตรวจสอบผลลัพธ์ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการแก้ไขโปรแกรมต่อไป การสมมติข้อมูลตัวแทนเพื่อการทดสอบเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ลักษณะของข้อมูลตัวแทนที่ดีควรจะสมมติทั้งข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่ผิดพลาด เพื่อทดสอบว่าโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นสามารถครอบคลุมการปฏิบัติงานในเงื่อนไขต่างๆ ได้ครบถ้วน นอกจากนี้อาจตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมด้วยการสมมติตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์ทีจะประมวลผล แล้วทำตามคำสั่งทีละคำสั่งของโปรแกรมนั้นๆ วิธีการนี้อาจทำได้ยากถ้าโปรแกรมมีขนาดใหญ่ หรือมีการประมวลผลที่ซับซ้อน


การทำเอกสารประกอบโปรแกรม
การทำเอกสารประกอบโปรแกรมเป็นงานที่สำคัญของการพัฒนาโปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรมช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลที่จะต้องใช้กับโปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ที่จะได้จากโปรแกรม การทำโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้องทำเอกสารกำกับ เพื่อใช้สำหรับการอ้างอิงเมื่อจะใช้งานโปรแกรมและเมื่อต้องการแก้ไขปรับปรุงโปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรมที่จัดทำ ควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
  1. วัตถุประสงค์
  2. ประเภทและชนิดของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในโปรแกรม
  3. วิธีการใช้โปรแกรม
  4. แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบโปรแกรม
  5. รายละเอียดโปรแกรม
  6. ข้อมูลตัวแทนที่ใช้ทดสอบ
  7. ผลลัพธ์ของการทดสอบ

การบำรุงรักษาโปรแกรม
เมี่อโปรแกรมผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว และถูกนำมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน ในช่วงแรกผู้ใช้อาจจะยังไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ดังนั้นจึงต้องมีผู้คอยควบคุมดูแลและคอยตรวจสอบการทำงาน การบำรุงรักษาโปรแกรมจึงเป็นขั้นตอนที่ผู้เขียนโปรแกรมต้องคอยเฝ้าดูและหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมในระหว่างที่ผู้ใช้ใช้งานโปรแกรม และปรับปรุงโปรแกรมเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น หรือในการใช้งานโปรแกรมไปนานๆ ผู้ใช้อาจต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบงานเดิมเพื่อให้เหมาะกับเหตุการณ์ นักเขียนโปรแกรมก็จะต้องคอยปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมตามความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วย"อัลกอริทึม"

1.การเขียนรหัสจำลอง(Pseudo Code) 

คือการเขียนอัลกอริทึมโดยใช้ประโยคภาษาอังกฤษที่สื่อความหมายง่าย ๆ  สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้โดยทันที   แต่ก็สามารถใช้รูปแบบที่เป็นภาษาพูดด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษก็ได้

      โครงสร้างของรหัสจำลองเริ่มต้นด้วยข้อความ Begin   แล้วอธิบายขั้นตอนการทำงานโดยใช้

คำสั่งต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนโปรแกรม เช่น

คำสั่ง  read    หมายถึง  การอ่านค่าหรือรับค่าข้อมูลตัวแปรตามที่กำหนดไว้

คำสั่ง  print    หมายถึง  การแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณ
                 และพิมพ์ข้อความ End  เมื่อจบการทำงาน
การเขียนรหัสจำลองจะต้องมีการวางแผนสำหรับการอ้างอิงถึงข้อมูลที่จะต้องนำไปใช้ภายในโปรแกรมด้วยการสร้างตัวแปร   โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ  (= )  แทนการกำหนดค่าตัวแปร    

การเขียนผังงาน ( Flowchart )
             ผังงาน คือ แผนภาพที่มีการใช้สัญลักษณ์รูปภาพและลูกศรที่แสดงถึงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมหรือระบบทีละขั้นตอน รวมไปถึงทิศทางการไหลของข้อมูลตั้งแต่แรกจนได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ มี 2 ประเภท คือ ผังงานระบบ และผังงานโปรแกรม

1.ผังงานระบบ (System Flowchart)
         
   จะแสดงภาพรวมของระบบ เน้นแสดงเฉพาะสื่อที่ทำหน้าที่นำข้อมูลเข้าและออก โดยจะไม่แสดงถึงรายละเอียดวิธีการประมวลผล ซึ่งจะนำไปแสดงไว้ในส่วนของผังงานโปรแกรมแท

2.ผังงานโปรแกรม ( Program Flowchart )
             
     การเขียนผังโปรแกรมจะประกอบไปด้วยการใช้สัญลักษณ์มาตรฐานต่าง ๆ ที่เรียกว่า สัญลักษณ์ ANSI ( American National Standards Institute ) ในการสร้างผังงาน